ทำไมต้องรากเทียมเซรามิก?

รากเทียมหรือรากฟันเทียมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่แล้วผลิตขึ้นมาจากโลหะไทเทเนียม ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลายว่าสามารถเชื่อมติดกับกระดูกได้เป็นอย่างดี รวมถึงมีความคงทนแข็งแรง 

อย่างไรก็ตามในระยะหลังมีการศึกษาผลกระทบต่อการใช้โลหะในร่างกายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของข้อเทียมต่างๆในร่างกาย รวมไปถึงวัสดุอุดฟัน วัสดุทำครอบฟัน และรากฟันเทียมด้วย หลายการศึกษาพบว่าในคนไข้บางราย เมื่อนำโลหะใส่เข้าไปในร่างกาย ไม่ว่าเป็นเป็นข้อเทียม รากฟันเทียม หรือแม้กระทั่งครอบฟันที่ทำมาจากโลหะ ร่างกายของคนไข้คนนั้นได้เกิดปฏิกิริยาบางอย่างขึ้น เช่น สร้างสารสื่ออักเสบมากขึ้น มีอาการหรือโรคบางอย่างที่ไม่เคยเป็นแล้วเป็นขึ้นมา เป็นต้น และเมื่อนำโลหะนั้นออกจากร่างกาย อาการต่างๆก็หายไป

แม้ว่าจะยังไม่มีการศึกษาทางวิชาการรายงานกรณีเหล่านี้ออกมามากนัก แต่ในแวดวงนักวิชาการ และการแพทย์บางท่านก็เชื่อกันว่า “โลหะ” จะต้องทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเราอย่างแน่นอน

ในวงการรากฟันเทียมก็เช่นกัน มีการพยายามพัฒนารากฟันเทียมที่สามารถเข้ากันได้กับเนื้อเยื้อกระดูกและเหงือก รวมถึงเนื้อเยื้ออื่นๆในช่องปากโดยไม่ใช้โลหะในการผลิต แต่ในช่วงแรกของการพัฒนา ด้วยความเข้าใจในร่างกาย และวัสดุศาสตร์ยังไม่มากนัก จึงทำให้ยังไม่มีอะไรมาทดแทนโลหะไทเทเนียมได้

ในปัจจุบัน การศึกษาเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ และทางวัสดุศาสตร์มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด รวมไปถึงเทคโนโลยีในการผลิตวัสดุและสินค้าต่างๆในระดับที่เล็กลง แต่มีความละเอียดและแม่นยำมากขึ้น การพัฒนารากฟันเทียมโดยไม่ใช้โลหะเลย จึงมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเช่นกัน

เป็นที่ยอมรับในวงการทันตกรรมกันแล้วว่า รากฟันเทียมที่ทำมาจากเซรามิกในปัจจุบันนั้น มีความแข็งแรง และมีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื้อไม่ต่างจากโลหะไทเทเนียม

และยังมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าโลหะไทเทเนียมอีก คือ เนื้อเยื้อเหงือกในช่องปากของเรา สามารถเชื่อมติดกับเซรามิกได้ แต่ไม่สามารถเชื่อมติดกับไทเทเนียมได้

ข้อได้เปรียบข้อนี้ทำในให้รากฟันเทียมที่ทำจากเซรามิกมีความใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากกว่าไทเทเนียม เนื่องจากเหงือกกับฟันธรรมชาติก็มีการเชื่อมติดกันเช่นกัน ซึ่งจะช่วยป้องกันเชื้อโรคไม่ให้ลงไปถึงกระดูกและรากฟัน ส่งผลให้โอกาสในการติดเชื้อต่างๆลดน้อยลงไปด้วย