แพ้ยาแล้วไง ก็แค่กินยาแก้แพ้ไปไม่ได้เหรอ???

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมหมอถึงห้ามกินยาที่เคยแพ้ หรือห้ามกินอาหารที่เคยแพ้ อยากบางคนแพ้แอลกอฮอล์ แต่อยากออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน ก็กินยาแก้แพ้ไปก่อน แล้วก็ไปกินเหล้าได้ ไม่เห็นเป็นไร แต่หมอไม่ค่อยบอกเหตุผล แต่เราเองก็ไม่ค่อยถามหมอด้วยแหละ ว่าทำไมถึงห้ามกินแบบนั้น ห้ามกินยาแก้แพ้ก่อนที่จะไปสัมผัสของที่แพ้

หลายคนคงสงสัยว่าทำไมหมอถึงห้ามกินยาที่เคยแพ้ หรือห้ามกินอาหารที่เคยแพ้ แต่หมอไม่ค่อยบอกเหตุผล

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอาการแพ้เป็นปฏิกิริยาของภูมิคุ้มกันร่างกาย ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละคน และก่อนที่ระบบภูมิคุ้มกันจะทำปฏิกิริยา แล้วเกิดอาการแพ้กับสิ่งใด ร่างกายจำเป็นต้องได้รับสิ่งนั้นเข้าไปก่อน

ต่อมาเมื่อร่างกายรับส่ิงนั้นเข้าไป แล้วเกิดมองว่าสิ่งนั้นเป็นส่ิงแปลกปลอมที่ต้องจำกัด ก็จะพยายามกำจัด ด้วยกระบวนการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ต่างๆ

อาการที่แสดงออกมามีตั้งแต่แค่ผิวหนังเป็นปื้นแดง เป็นผื่นแดง ไปจนถึงมีไข้ มีตุ่มน้ำพอง มีการหลุดลอกของผิวหนังและบริเวณเยื่อบุต่างๆในจมูกและช่องปาก ลำคอ อวัยวะเพศ และเยื้อบุตาอักเสบ

กลุ่มอาการข้างต้นเป็นอาการแสดงของกลุ่มอาการที่เรียกว่า Stevens-Johnson syndrome ซึ่งสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

การที่เรากินยาแก้แพ้ก่อนที่จะไปสัมผัสหรือไปกินสิ่งที่แพ้นั้น เป็นการป้องกันอาการแพ้ แต่ร่างกายก็ยังได้รับสิ่งกระตุ้นอยู่ดี และเราไม่สามารถบอกได้ว่า ยาแก้แพ้ที่กินไปนั้น เมื่อไรหรือวันไหนมันจะกันไม่ให้เกิดอาการได้ เพราะเมื่อร่างกายได้รับสิ่งกระตุ้นบ่อยๆ การตอบสนองจะรุนแรงขึ้น ถ้าเผื่อว่าวันที่ยาแก้แพ้นั้นไม่สามารถแก้แพ้ได้ และเป็นวันที่อาการรุนแรงพอดี ก็อาจจะเกิด Stevens-Johnson syndrome กับเราก็ได้

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งในหลายๆเหตุผลที่หมอชอบห้ามให้เราหลีกเลี่ยงของที่แพ้อย่างเด็ดขาด

ใครจะไปรู้ว่ายาที่เราหวังกินเพื่อรักษาโรค อาจจะทำให้เราต้องรักษาอาการจากยานั้นต่อไปอีกก็ได้

ภาพผู้ป่วยกลุ่มอาการ Stevens-Johnson syndromes จาก https://bit.ly/3mTZp37

หากเห็นว่าข้อมูลนี้เป็นประโยชน์ อยากให้ช่วยแชร์หน้าเพจนี้ออกไปเพื่อให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆได้มากขึ้น ;)

หากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม รวมถึงนัดหมายรับบริการทางทันตกรรม สามารถติดต่อได้ที่ PSK Dental Center สาขาประดิพัทธ์ โทร 064-691-6165 Line : @pskdentalcenter Facebook&Instagram : PSK Dental Center